
ข่าวที่ 137/2568 วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568
วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2568) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ณ ห้องประชุมพึ่งบุญฯ
อาคารวิสัยทัศน์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(กปร.) เข้าร่วมสัมมนาเพื่อบูรณาการข้อมูลและเสริมสร้างความร่วมมือกว่า 200 คน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยกำหนดให้การขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่อง
มาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ได้เน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนโครงการเพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็น
อยู่ที่ดีขึ้น กำชับให้ทุกหน่วยงานรวมพลังสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการแผนงาน โครงการ งบประมาณ พัฒนาฐานข้อมูล และถอดบทเรียน ความสำเร็จของโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้เป็นที่ประจักษ์สืบไป ทั้งนี้ สศก.จะเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามความก้าวหน้าโครงการและนำเสนอข้อมูลเพื่อขยายผลต่อไป โดยมีเป้าหมาย คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็น
รูปธรรมในมิติเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้ เลขาธิการ สศก. ยังได้มอบนโยบาย “การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” โดยเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการ สืบสาน รักษา และ ต่อยอดตามแนวพระราชปณิธาน โดยเฉพาะหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ และ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2569 จะมุ่งเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ๋
ที่เป็นรูปธรรม ผ่าน 5 มิติหลัก ได้แก่
มิติที่ 1 บูรณาการ เน้นการใช้ข้อมูลร่วมกันในทิศทางเดียวและมีความเป็นเอกภาพ
มิติที่ 2 นวัตกรรมใหม่ เน้นการสร้างวิธีการทำงานและผลลัพธ์ใหม่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับภาคีต่างๆ
มิติที่ 3 ความยั่งยืน เน้นผลลัพธ์ที่มั่นคงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มิติที่ 4 การต่อยอด เพื่อรักษา ขยาย และปรับปรุงโครงการอย่าง ต่อเนื่อง
และ มิติที่ 5 การติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน "เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมใน 4 ด้าน คือ
1. ผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ เพิ่มขึ้นและมั่นคงทางการเงิน
2. ผลลัพธ์เชิงสังคม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
3. ผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อม การรักษา ฟื้นฟู และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
และ 4. ผลลัพธ์เชิงความยั่งยืน ที่เกิดความมั่นคงและความต่อเนื่องของความสำเร็จในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อให้การติดตามผลโครงการเป็นไปอย่างแม่นยำและโปร่งใส กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และ สศก.ได้ร่วมกันพัฒนา Dashboardกลาง ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงาน
ในสังกัด ให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์และนำผลลัพธ์มาปรับปรุงนโยบายได้อย่างทันท่วงที" เลขาธิการ สศก. กล่าว
ด้าน นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า สศก.ในฐานะองค์กรนำ
ในการพัฒนาภาคเกษตรและมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยปัจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลโครงการรวม 4,145 โครงการ หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 80
จากโครงการทั้งหมด 5,201 โครงการ สำหรับการ
สัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ประกอบด้วยกิจกรรม นิทรรศการ การบรรยาย การระดมสมอง และ Facebook Live เศรษฐกิจการเกษตรเพื่อประชาชน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการข้อมูลการติดตามกำหนดประเด็นตัวชี้วัด ผลผลิต และผลลัพธ์ความสำเร็จ เพื่อส่งเสริมข้อมูลที่เป็นเอกภาพในการติดตามโครงการ และสนับสนุนการดำเนินงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสมพระเกียรติ ที่พร้อมขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์สุขของเกษตรกรไทยอย่างทั่วถึง
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : ศูนย์ประเมินผล
กระทรวงเกษตรฯ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โครงการพระราชดำริ บูรณาการ 4,145 โครงการ ขับเคลื่อนเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน
